มาโนช บุญยัง

มาโนช บุญยัง

วันที่ 6 กรกฎาคม 2565 ว่าที่ร้อยตรี อิทธิพล บุบผะศิริ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย นายจักรพงษ์ คชพงศ์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก เขตอำเภอเมืองพิษณุโลก และนายนพดล เพ็งเทศ นายช่างโยธาชำนาญงาน กองช่าง องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ได้รับมอบหมายจาก นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ให้ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่กองช่าง องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ในการปรับปรุงซ่อมแซมถนนลาดยางสายเรียบคลองชลประทาน C17 หมู่ที่ 11 ตำบลท่าโพธิ์ อำเภอเมืองพิษณุโลก เชื่อมต่อกับพื้นที่ตำบลท่านางงาม อำเภอบางระกำ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ร่วมกับ นายธวัช สิงหเดช นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพธิ์ ภายหลังได้รับการร้องขอจากทางองค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพธิ์ เนื่องจากพบว่าปัจจุบันถนนสายดังกล่าวมีประชาชนใช้สัญจรเป็นจำนวนมากและผิวจราจรเกิดเสียหายและทรุดตัวเป็นหลุมบ่อ สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาเป็นอย่างมาก โดยในวันนี้เจ้าหน้าที่กองช่าง ได้ดำเนินการขุดรื้อผิวจราจรลาดยาง บดอัดแน่นพร้อมทำผิวลาดยาง รวมระยะทางยาว 1,400 เมตร และซ่อมปะหลุมบ่อ 600 เมตร เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จสามารถช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนเบื้องต้นให้แก่ประชาชนในตำบลบ้านท่าโพธิ์ อำเภอเมืองพิษณุโลก และอำเภอบางระกำ ใช้สัญจรระหว่างหมู่บ้านและระหว่างอำเภอได้อย่างสะดวกปลอดภัย นอกจากนี้ยังได้ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินการก่อสร้างถนนลาดยางแบบแอสฟัลท์ติกคอนกรีต สายบ้านบึงกอก ตำบลบึงกอก เชื่อมต่อกับ ตำบลปลักแรด อำเภอบางระกำ โดยแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 ความกว้าง 8 เมตร ความยาว 1,050 เมตร และช่วงที่ 2 ความกว้าง 8 เมตร ความยาว 1,950 เมตร เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จสามารถช่วยให้ประชาชนได้สัญจรได้อย่างสะดวกมากขึ้น ท่ามกลางความพึงพอใจของประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก.
วันที่ 4 กรกฎาคม 2565 ว่าที่ร้อยตรี อิทธิพล บุบผะศิริ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ได้รับมอบหมายจาก นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ให้ลงพื้นที่ตรวจสอบแนวตลิ่งริมแม่น้ำน่านที่ถูกกระแสน้ำกัดเซาะพังทลายหลายจุดในพื้นที่หมู่ 2 ตำบลท่าช้าง อำเภอพรหมพิราม ร่วมกับ นายสินชัย อยู่มี กำนันตำบลท่าช้าง นายวัชระ กุลมาก อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลท่าช้าง เพื่อร่วมแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ภายหลังได้รับการประสานขอความช่วยเหลือจากผู้นำท้องที่ผู้นำท้องถิ่นในตำบลท่าช้างเพื่อขอให้ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ช่วยประสานกับสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพิษณุโลก ให้ช่วยดำเนินการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งพังเพิ่มเติม โดยพบว่าบริเวณแนวตลิ่งริมแม่น้ำน่าน ซึ่งอยู่ติดกับเขื่อนป้องกันตลิ่งพังริมแม่น้ำน่านตำบลท่าช้าง ก่อสร้างโดยกรมเจ้าท่าเมื่อปี 2558 ถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนเกิดการแตกร้าวยุบเป็นหลุมขนาดใหญ่และพังทลายเป็นวงกว้าง มีความยาวกว่า 300 เมตร เกรงว่าจะทำให้เกิดอันตรายแก่ประชาชนที่สัญจรผ่านเส้นทางดังกล่าว นอกจากนี้กระแสน้ำยังได้กัดเซาะลุกล้ำเข้ามาบริเวณถนนลาดยาง ซึ่งอยู่ในความดูแลขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก และเริ่มเกิดการแตกร้าวชำรุดตลอดแนวดังกล่าว ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีประชาชนใช้สัญจรระหว่างหมู่บ้านจำนวนมาก หากยังไม่ดำเนินการก่อสร้างเขื่อนฯ ถนนดังกล่าวอาจจะพังเสียหายและนับวันจะทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน พร้อมกันนี้รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ได้ประสานกับสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพิษณุโลก และแนะนำให้ทางองค์การบริหารส่วนตำบลท่าช้าง ทำหนังสือร้องขอให้ดำเนินการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งพังริมแม่น้ำน่านบ้านท่าช้าง ไปยังสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพิษณุโลก และจัดส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบแนวตลิ่งพังเพื่อร่วมแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ตำบลท่าช้างภายในสัปดาห์หน้า และคาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งพังริมแม่น้ำน่านในเร็ววันนี้ต่อไป.

วันที่ 4 กรกฎาคม 2565 ว่าที่ร้อยตรี อิทธิพล บุบผะศิริ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย ร้อยเอกสมจิตร ฉ่ำมา สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก เขตอำเภอวังทอง และนายสนามชัย คำดอนทอง นายช่างเครื่องกลชำนาญงาน กองช่าง องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ได้รับมอบหมายจาก นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ให้นำเจ้าหน้าที่กองช่าง พร้อมเครื่องจักรกลเข้าดำเนินการขุดลอกกำจัดวัชพืชและปรับภูมิทัศน์บริเวณบ่อบำบัดนำเสียด้านหลังเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก หมู่ที่ 8 ตำบลวังทอง อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ร่วมกับ นายมงคล จันทะจร ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก เพื่อพัฒนาคุณภาพน้ำเสียและบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยน้ำไปสู่ทางน้ำธรรมชาติ ภายหลังได้รับการร้องขอจากทางเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งพบว่าปัจจุบันบ่อบำบัดน้ำเสียดังกล่าวมีวัชพืชขึ้นอย่างหนาแน่นจนไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ และหากไม่ดำเนินการอาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ต้องขังด้านสุขภาพ จึงได้ร้องขอสนับสนุนเครื่องจักรกลมายังองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ให้ช่วยดำเนินการขุดลอกวัชพืชภายในบ่อบำบัดน้ำเสีย ซึ่งมีทั้งหมด 4 บ่อ แบ่งออกเป็น บ่อพักน้ำ-บ่อตกตะกอน-บ่อเติมอากาศ-บ่อผึ่ง และเป็นพื้นที่รับน้ำทิ้งที่ใช้ภายในเรือนจำทั้งหมด เมื่อผ่านกระบวนการบำบัดน้ำเสียเสร็จแล้วก็จะปล่อยน้ำทั้งหมดลงสู่คลองไส้ไก่ ก่อนไหลต่อไปยังพื้นที่รับน้ำจำนวน 100 ไร่ ภายในพื้นที่เรือนจำ โดยได้ดำเนินการให้เป็นไปตาม “โครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดีเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์” เพื่อการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขสำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งปัจจุบันมีผู้ต้องขังอยู่จำนวนทั้งสิ้น 2,700 คน โดยเจ้าหน้าที่กองช่าง ได้ดำเนินการขุดลอกวัชพืชภายในบ่อบำบัดน้ำเสียดังกล่าวออกทั้งหมด ซึ่งมีความกว้าง 70 เมตร ยาว 90 เมตร ปริมาณพื้นที่ 6,300 ตารางเมตร พร้อมทั้งปรับภูมิทัศน์และตบแต่งให้เรียบร้อย เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะช่วยเปิดเส้นทางน้ำภายในบ่อบำบัดน้ำเสียให้ไหลสะดวกเพิ่มมากขึ้นและส่งผลให้ผู้ต้องขังสุขภาพที่ดี รวมถึงช่วยพัฒนาระบบบริการสาธารสุขสำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำ.

วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ว่าที่ร้อยตรี อิทธิพล บุบผะศิริ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ได้รับมอบหมายจาก นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ให้ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานขุดลอกกำจัดวัชพืชที่บริเวณคลองธรรมชาติ หมู่ที่ 10 บ้านคลองตาล และบริเวณสายเลียบคลองน้ำขุ่น หมู่ที่ 2, 8 ตำบลหนองแขม อำเภอพรหมพิราม โดยการประสานของ นายศิริโภชน์ ธเนศราภา สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก เขตอำเภอพรหมพิราม เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ร่วมกับ นายพิพัฒน์พงษ์ ทองสุก ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 บ้านคลองตาล ภายหลังได้รับการร้องขอจากทางองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแขม เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ซึ่งพบว่าคลองดังกล่าวมีผักตบชวาและวัชพืชขึ้นกีดขวางทางน้ำอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อเข้าสู่ฤดูน้ำไหลหลากจึงไม่สามารถระบายน้ำได้ทันส่งผลให้เกิดน้ำเอ่อล้นไหลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรของประชาชนในพื้นที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการขุดลอกวัชพืชภายในคลองภายในคลองธรรมชาติหมู่ที่ 10 ซึ่งมีความกว้าง 10 เมตร ยาว 1,250 เมตร เสร็จเรียบร้อยแล้ว และกำลังดำเนินการขุดลอกวัชพืชภายในคลองน้ำขุ่นหมู่ที่ 2, 8 ตำบลหนองแขม มีความกว้าง 10.50 เมตร ยาว 3,350 เมตร โดยขุดลอกกำจัดวัชพืชภายในคลองดังกล่าวออกทั้งหมดพร้อมตบแต่งให้เรียบร้อย เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถช่วยเปิดเส้นทางระบายน้ำให้ไหลได้สะดวกเพิ่มมากขึ้น ป้องกันปัญหาน้ำท่วมขังไร่นาของประชาชน และใช้กักเก็บน้ำไว้ใช้ทำการเกษตรซึ่งมีพื้นที่ได้รับประโยชน์หลายพันไร่ ท่ามกลางความความพึงพอใจของผู้นำท้องที่ผู้นำท้องถิ่นเป็นอย่างมาก.
หน้า 19 จาก 305