มาโนช บุญยัง
วันที่ 22 กันยายน 2562 นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย ดาบตำรวจมานิตย์ สุทธการ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก เขตอำเภอบางกระทุ่ม ร่วมเปิดงานประเพณีบุญเดือนสิบ “ปิดทองหลวงพ่อปั้น แข่งขันเรือบก ลิ้มรสข้าวเม่าทอด” ประจำปี 2562 ณ วัดเนินกุ่ม หมู่ที่ 4 ตำบลเนินกุ่ม อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก โดยมี นายสุรชัย มณีปกรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายบุญเหลือ บารมี นายอำเภอบางกระทุ่ม นายนิยม ช่างพินิจ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพิษณุโลก ผู้นำท้องที่ผู้นำท้องถิ่นในอำเภอบางกระทุ่มร่วมเปิดงาน สำหรับงานประเพณีบุญเดือนสิบ “ปิดทองหลวงพ่อปั้น แข่งขันเรือบก ลิ้มรสข้าวเม่าทอด” ชาวบ้านเนินกุ่มร่วมกันจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เป็นประเพณีที่สนุกสนานและสร้างความสามัคคีของคนในชุมชน โดยเฉพาะการแข่งขันเรือบกที่จัดต่อเนื่องกันมายาวนานกว่าเกือบ 60 ปี ถือเป็นกีฬาพื้นบ้านหนึ่งเดียวของประเทศไทย ซึ่งมีประวัติความเป็นมาอันยาวนานโดยในอดีตชาวบ้านเนินกุ่มจะแข่งขันเรือพายขนาดเล็กเรือชาวบ้านในคลองเนินกุ่มที่อยู่หลังวัดเนินกุ่ม แต่ระยะหลังสภาพลำคลองเริ่มตื้นเขิน ไม่สามารถจัดแข่งขันเรือได้ ช่วง พ.ศ. 2500 สมัยอาจารย์เฉลียว เจ้าอาวาสในยุคนั้น จึงได้คิดค้นการแข่งขันเรือบกขึ้นมาเพื่อทดแทนการแข่งขันเรือในน้ำที่ไม่สามารถจัดได้ โดยกำหนดกติกาการแข่งขันเหมือนกับแข่งเรือทุกอย่างใช้บริเวณลานวัดเป็นที่แข่งขัน ส่วนอุปกรณ์หลักคือไม้ยาว 8 ศอก หรือ 4 เมตร ผู้แข่งขัน 9 คน ใช้กติกาเหมือนแข่งเรือในน้ำ ชนะ 2 ใน 3 เที่ยว และถ้าเรือบกลำใดล้มก่อนถือว่าแพ้ในรอบนั้นไป โดยในปีนี้มีทีมสมัครเข้าร่วมการแข่งขันจำนวนมาก ซึ่งนอกจากนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานได้ร่วมปิดทองหลวงพ่อปั้น ชมแข่งขันเรือบกแล้ว ที่พลาดเสียไม่ได้อีกอย่างหนึ่งก็คือการลิ้มรสข้าวเม่าทอดต้นตำรับของวัดเนินกุ่ม รสชาติหอม หวาน มัน อร่อยไม่เป็นสองลองใคร จำหน่ายในราคาแพละ 30 บาท โดยเงินที่ได้จากการจำหน่ายก็จะนำเข้าวัดเพื่อเก็บไว้ทำนุบำรุงและปฏิสังขรณ์วัดต่อไป.
วันที่ 20 กันยายน 2562 นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดงาน “วันเยาวชนแห่งชาติ จังหวัดพิษณุโลก” ประจำปี 2562 ณ หอประชุมบึงราชนก อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก โดยมี นายชัชพงษ์ เอมะสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานในพิธี ทั้งนี้มติคณะรัฐมนตรีกำหนดให้วันที่ 20 กันยายน ของทุกปีเป็นวันเยาวชนแห่งชาติ เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2396 และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร พระราชสมภพ เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2468 ซึ่งทั้งสองพระองค์ได้เสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติในขณะที่ยังทรงพระเยาว์ จึงถือเป็นวันสิริมงคลที่เยาวชนควรสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของล้นเกล้าทั้งสองพระองค์ โดยรูปแบบงานในปีนี้จัดขึ้นภายใต้ประเด็น “จิตอาสา พัฒนาชุมชน ต้านภูมิปัญญา” เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาตนเอง มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และมีพื้นที่สร้างสรรค์ในการทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ พร้อมทั้งเป็นการกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนของสังคม ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ให้ความสนใจร่วมมือกันพัฒนาเยาวชน นับเป็นการรวมพลังของเยาวชนที่มุ่งมั่นในการพัฒนาตนเอง มีความคิดสร้างสรรค์เพื่อให้เยาวชนได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน สังคม อีกทั้งกระตุ้นให้หน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเยาวชนและทุกภาคส่วนของสังคมได้ตระหนักในความสำคัญของเยาวชน ภายในงานมีกิจกรรมประกอบด้วย การเชิดชูเกียรติเยาวชนดีเด่นจังหวัดพิษณุโลก การแสดงนิทรรศการผลงานด้านเด็กและเยาวชน การสาธิตภูมิปัญญาท้องถิ่นจังหวัดพิษณุโลก การแสดงความสามารถของเด็กและเยาวชน การปฏิญาณตนเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศ ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย เยาวชน องค์กรที่ขับเคลื่อนการทำงานด้านเด็กและเยาวชน องค์กรภาครัฐ องค์กรภาคเอกชน ภาคประชาสังคม สื่อมวลชน นักวิชาการ รวมทั้งสิ้น 1,000 คน.
วันที่ 18 กันยายน 2562 นางสาวกมลชนก เหลืองทองนารา เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ร่วมโครงการธารน้ำใจท้องถิ่นเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ผู้ต้องขังเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จังหวัดพิษณุโลก ณ เรือนจำจังหวัดพิษณุโลก โดยมี พันเอก นพดล รอดกลาง รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายปรีชา แดงแสงทอง ท้องถิ่นจังหวัดพิษณุโลก ทั้งนี้สำหรับโครงการดังกล่าวจัดโดยท้องถิ่นจังหวัดพิษณุโลกร่วมกับสโมสรโรตารี่พุทธชินราช สโมสรโรตารี่ลุ่มน้ำเข็ก สโมสรโรตารี่พิษณุโลก สโมสรโรตารี่นเรศวร สโมสรโรตารี่วังจันทน์ มูลนิธิ สมาคม ชมรม ห้างร้าน ผู้มีจิตศรัทธาในจังหวัดพิษณุโลก องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดพิษณุโลก จำนวน 103 แห่ง และชมรมแม่บ้านท้องถิ่นไทยจังหวัดพิษณุโลก เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวและมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนเพื่อส่งเสริมความเท่าเทียม การเข้าถึงโอกาสที่จะได้รับการสงเคราะห์ด้านคุณภาพชีวิต รวมทั้งความสุขทางจิตใจให้แก่ผู้ต้องขัง.
วันที่ 12 กันยายน 2562 ว่าที่ร้อยตรี อิทธิพล บุบผะศิริ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ร่วมพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเนื่องใน “วันประมงแห่งชาติ” ประจำปี 2562 ณ บึงตะเคร็ง หมู่ที่ 12 ตำบลบางระกำ อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก โดยมี นายภูมิสิทธิ์ วังคีรี ปลัดจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานในพิธี และมี นายอัครโชค สุวรรณทอง นายอำเภอบางระกำ นางนิตยา ทักษิณ ประมงจังหวัดพิษณุโลก นายวิบูลย์ ตั้งเกษมวิบูลย์ นายกเทศมนตรีบางระกำเมืองใหม่ ร่วมเปิดงาน ทั้งนี้เนื่องด้วยวันที่ 21 กันยายน ของทุกปี คณะรัฐมนตรีได้มีมติกำหนดให้เป็น “วันประมงแห่งชาติ” โดยกรมประมงมอบหมายให้หน่วยงานกรมประมงในทุกจังหวัด ประสานกับองค์กร หน่วยงานในพื้นที่จัดกิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะทั่วประเทศ โดยมุ่งเน้นให้มีการบูรณาการของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนได้ตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรสัตว์น้ำการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ การฟื้นฟูรักษา ตลอดจนการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำให้สามารถเข้าใจ เข้าถึงและการนำมาใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าและยั่งยืนและงดจับสัตว์น้ำ โดยในการจัดกิจกรรมครั้งนี้มีหน่วยงานกรมประมงจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งประกอบด้วย ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพิษณุโลก ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงน้ำจืดภาคเหนือ (พิษณุโลก) ร่วมกับอำเภอบางระกำ เทศบาลตำบลบางระกำเมืองใหม่ ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลบางระกำและพี่น้องประชาชนตำบลบางระกำ จากนั้นร่วมกันปล่อยพันธุ์ปลาลงบึงตะเคร็งจำนวน 300,000 ตัว ประกอบด้วย ปลายี่สกเทศ ,ปลาตะเพียนขาว , ปลาสร้อยขาว, ปลาหมอตาล และปลาดุกอุย เพื่อเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำ และเผยแพร่พันธุ์สัตว์น้ำเป็นการเพิ่มผลผลิตการประมงในแหล่งน้ำที่เป็นแหล่งโปรตีนและสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนต่อไป.