วันที่ 26 เมษายน 2565 ว่าที่ร้อยตรี อิทธิพล บุบผะศิริ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ได้รับมอบหมายจาก นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ให้นำเจ้าหน้าที่กองช่าง องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก เข้าดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมสะพานสลิงข้ามแม่น้ำน่านหน้าวัดสนามไชย หมู่ที่ 1–2 บ้านมะต้อง ตำบลมะต้อง อำเภอพรหมพิราม ที่เกิดชำรุดเนื่องจากสะพานดังกล่าวมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและมีประชาชนสัญจรผ่านไปมาจำนวนมาก โดยการประสานร้องขอจาก นายศิริโภชน์ ธเนศราภา สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก เขตอำเภอพรหมพิราม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในอำเภอพรหมพิราม ร่วมกับ นายวิโรจน์ นกจันทร์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 หลังพบว่าน็อตเหล็กที่ยึดบริเวณพื้นสะพานเกิดชำรุดจนโผล่ขึ้นมาเนื่องจากสะพานดังกล่าวมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและมีประชาชนใช้สัญจรจำนวนมาก อีกทั้งอากาศร้อนจัดทำให้แผ่นเหล็กพื้นสะพานเกิดการโก่งงอตัวขึ้นจนขาดหลุดออกจากกันบางจุด เกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุหรืออันตรายแก่ประชาชนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์สัญจรผ่านไปมา จึงได้เร่งดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมสะพานดังกล่าวให้มีสภาพพร้อมใช้งานได้ตามปกติ เบื้องต้นในวันนี้เจ้าหน้าที่กองช่าง ได้ถอดน็อตเก่าที่ยึดพื้นสะพานออกแล้วใช้น็อตสกรูใหม่ขนาดความยาว 4 นิ้ว เจาะยึดพื้นสะพานกับเหล็กตัวซีของสะพานและเชื่อมต่อพื้นสะพานชำรุดที่หลุดออกจากกันเพื่อให้สามารถใช้งานได้ชั่วคราวไปก่อน ซึ่งทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ได้เตรียมวางแผนดำเนินการแก้ไขปัญหาสะพานดังกล่าวเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในพื้นที่ตำบลมะต้อง ตำบลหนองแขม และตำบลใกล้เคียงได้ใช้สัญจรอย่างสะดวกและปลอดภัยแบบถาวรต่อไป.

วันที่ 25 เมษายน 2565 ว่าที่ร้อยตรี อิทธิพล บุบผะศิริ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย นายชมภู จันทร์เชื้อ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ได้รับมอบหมายจาก นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ให้นำเจ้าหน้าที่ดับเพลิงพร้อมรถน้ำจำนวน 4 คัน เข้าสนับสนุนช่วยระงับเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่หมู่ที่ 1 ตำบลวังทอง อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ใกล้กับสำนักงานเทศบาลตำบลวังทอง โดยจุดเกิดเหตุเป็นบ้านไม้สองชั้นเลขที่ 261/1 หมู่ที่ 1 ตำบลวังทอง อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก เจ้าของบ้านคือ นายอรรณพ ชัยประเสริฐ อายุ 65 ปี อดีตนายกเทศมนตรีตำบลวังทอง พบเปลวเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรวดเร็ว จากนั้นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ประกอบด้วย ปภ.จังหวัดพิษณุโลก, อบต.ท่าทอง , อบต.ท่าโพธิ์, กรมทางหลวง, อบต.ท่าหมื่นราม, อบต.วังพิกุล, อบต.หนองพระ, อบต.ชัยนาม, และ อบต.ดินทอง ช่วยกันระดมฉีดน้ำเพื่อระงับเหตุเพลิงไหม้บ้านหลังดังกล่าวโดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถระงับเปลวเพลิงไว้ได้ พบว่าบ้านหลังเกิดเหตุถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหายทั้งหลัง เนื่องจากเป็นบ้านไม้และเป็นโรงเก็บไม้เก่าจำนวนมากจึงทำให้เพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีรถยนต์เก๋งและรถจักรยานยนต์ถูกเพลิงไหม้ไดรับเสียหายด้วย โดยขณะเกิดเหตุมี นางสังวร ชัยประเสริฐ อายุ 87 ปี มารดาของเจ้าของบ้านเกิดเหตุอยู่เพียงลำพังและเห็นเพลิงไหม้ที่บริเวณด้านหลังบ้านอย่างรวดเร็ว จึงรับวิ่งออกมาจากบ้านเกิดเหตุและแจ้งเจ้าหน้าที่มาช่วยดับเพลิงดังกล่าว ส่วนสาเหตุต้องรอเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 มาตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป.

วันที่ 25 เมษายน 2565 ว่าที่ร้อยตรี อิทธิพล บุบผะศิริ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ได้รับมอบหมายจาก นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก นำข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ร่วมพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประจำปี 2565 ณ ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระราชวังจันทน์ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก โดยมี นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานในพิธีนำเหล่าบรรดาข้าราชการฝ่ายพลเรือน ทหาร ตำรวจ ตุลาการ และพสกนิกรชาวจังหวัดพิษณุโลก ร่วมพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะเพื่อน้อมรำลึกถึงพระเกียรติคุณและพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อแผ่นดินไทยและชนชาติไทย นับตั้งแต่ที่พระองค์ยังทรงพระเยาว์ พระชนมายุเพียง 9 พรรษาจำต้องจากแผ่นดินไปประทับอยู่ ณ เมืองหงสาวดีในฐานะตัวประกันเป็นเวลาถึง 8 ปี ก่อนที่พระองค์จะกลับมายังแผ่นดินไทย ทรงประกาศอิสรภาพและกอบกู้เอกราชของไทยสืบทอดมาจนทุกวันนี้ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือที่ชาวบ้านทั่วไปในครั้งนั้นเรียกว่า พระองค์ดำ เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรมราชาและพระวิสุทธิกษัตริย์ พระราชธิดาของสมเด็จพระศรีสุริโยทัย และสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. 2098 ที่พระราชวังจันทน์ เมืองพิษณุโลก ในช่วงทรงพระเยาว์ของพระองค์ทรงประทับ ณ พระราชวังจันทน์ เมืองพิษณุโลก หลังจากที่เสด็จกลับแผ่นดินไทยพระองค์ทรงได้รับการสถาปนาเป็นพระมหาอุปราชปกครองเมืองพิษณุโลก และประกาศอิสรภาพไม่ยอมเป็นประเทศราชของกรุงหงสาวดีอีกต่อไป พระองค์ทรงเป็นนักรบที่กล้าหาญและพระปรีชาสมารถเลื่องลือทั้งการทำสงครามยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา และได้ทรงแผ่อำนาจของราชอาณาจักรไทยอย่างกว้างใหญ่ไพศาล นับตั้งแต่ประเทศพม่าตอนใต้จากฝั่งมหาสมุทรอินเดียทางด้านตะวันตกไปจนถึงฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกทางด้านตะวันออก ทางด้านทิศใต้ตลอดไปถึงแหลมมลายู ทางด้านทิศเหนือก็ถึงฝั่งแม่น้ำโขงโดยตลอด และยังรวมไปถึงรัฐไทใหญ่บางรัฐ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2133 สิริรวมการครองราชย์สมบัติ 15 ปี และเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 รวมพระชนมพรรษา 50 พรรษา โดยในปี 2565 นี้ ถือเป็นวันครบรอบ 417 ปี คล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช.

วันที่ 22 เมษายน 2565 นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก มอบหมายให้ นายชมภู จันทร์เชื้อ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักปลัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก พร้อมเจ้าหน้าที่นำรถบรรทุกน้ำสะอาดไปเติมบรรจุใส่แท็งก์น้ำของสถานีผลิตน้ำประปาหมู่บ้านในพื้นที่หมู่ 7 บ้านป่า ตำบลบ้านป่า อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก โดยการประสานของ ว่าที่ร้อยตรี อิทธิพล บุบผะศิริ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคให้แก่ประชาชน ร่วมกับ นางเฉลียว อ็อดเอก กำนันตำบลบ้านป่าและประชาชนในพื้นที่ ภายหลังได้รับการร้องขอจากทางองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านป่า เพื่อให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก นำน้ำสะอาดไปเติมใส่แท็งก์น้ำเพื่อใช้ผลิตน้ำประปาหมู่บ้าน เนื่องจากพบว่าปั๊มซับเมอร์สสูบน้ำของสถานีผลิตน้ำประปาหมู่บ้านดังกล่าวเกิดชำรุดได้ประมาณ 1 สัปดาห์และกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการซ่อมแซม ส่งผลให้ราษฎรในพื้นที่หมู่ที่ 6-7 ตำบลบ้านป่า จำนวน 130 หลังคาเรือน และประชากรกว่า 500 คน ที่ใช้น้ำประปาหมู่บ้านดังกล่าวต้องขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคจนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก จะดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนในครั้งนี้ไปจนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ ท่ามกลางความพึงพอใจของผู้นำท้องที่ผู้นำท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก.